ศุกร์. มี.ค. 29th, 2024

“ศักดิ์สยาม” เข็นเม็ดเงินกว่า 1.2 แสนล้านบาท เร่งลงทุนโครงข่ายคมนาคมในปี 2566 หวังดันจีดีพีประเทศฟื้นตัว 2.35%

“ศักดิ์สยาม” เข็นเม็ดเงินกว่า 1.2 แสนล้านบาท เร่งลงทุนโครงข่ายคมนาคมในปี 2566 หวังดันจีดีพีประเทศฟื้นตัว 2.35% เพิ่มขีดความสามารถพลิกโฉมประเทศ พร้อมกางแผนลุยโปรเจกต์ปีนี้ ครอบคลุมบก-น้ำ-ราง-อากาศ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง Thailand Seamless: Moving Forward & Go Green “ประเทศไทย” ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ มุ่งสู่โลกสีเขียว หัวข้อ “มิติใหม่! “คมนาคม” ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้รอยต่อ” วันนี้ (12 ม.ค. 2566) ว่า ในปี 2566 กระทรวงฯ มีแผนผลักดันการลงทุนรวม 124,839 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินงบประมาณ 35,395 ล้านบาท และนอกงบประมาณ 89,443 ล้านบาท

โดยในวงเงินส่วนดังกล่าว มีการจัดสรรเพื่อพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทางรางสูงสุดด้วยมูลค่ารวม 883,147 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66.6% รองลงมา คือ ขนส่งทางถนน มูลค่ารวม 30,960 ล้านบาท คิดเป็น 24.8% ระบบขนส่งทางอากาศมูลค่า 6,331 ล้านบาท คิดเป็น 5.8% และระบบขนส่งทางน้ำ มูลค่า 2,936 ล้านบาท คิดเป็น 2.4% และขนส่งทางบก มูลค่า 597 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.4% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า การลงทุนของกระทรวงคมนาคมในปี 2566 จะก่อให้เกิดการพลิกโฉมประเทศ โดยประชาชนคนไทย และชาวโลก จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น การจ้างงานที่จะเพิ่มขึ้น 154,000 ตำแหน่ง ประกอบกับวงเงินสะพัดในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องอีกราว 1.24 ล้านล้านบาท และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงถึง 2.35% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) หรือราว 4 แสนล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ จะเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานหลัก จาก 80 เป็น 120 ล้านคนต่อปี, เพิ่มขีดความสามารถท่าเรือแหลมฉบัง จาก 11 เป็น 18 ล้านตู้ต่อปี, เพิ่มความเร็วในการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเมืองหลักจาก 80 เป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, เพิ่มความเร็วในการเดินรถไฟขบวนผู้โดยสาร จาก 60 เป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, เพิ่มความเร็วในการเดินรถไฟขบวนสินค้า จาก 40 เป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อีกทั้งยังเพิ่มโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ครบ 14 สายทาง 554 กิโลเมตร (กม.), เพิ่มโครงข่ายรถไฟทางคู่ และแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ เป็น 1,111 กม., เพิ่มการเชื่อมต่อภูมิภาคด้วยโครงการ รถไฟ ไทย-ลาว-จีน และรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และเพิ่มโอกาสสร้างอนาคตประเทศ ด้วยโครงการ MR-MAP และ Land bridge (แลนด์บริดจ์) หรือโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ที่จะก่อให้เกิดการเดินทางและการขนส่งในภูมิภาคสะดวก เป็นเสมือนประตูการค้าเชื่อมอาเซียนและโลก

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในส่วนโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กระทรวงฯ มีแผนผลักดันการลงทุนในปี 2566 อาทิ โครงการ MR-MAP เพื่อพัฒนาทางรถไฟและทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) รวม 10 เส้นทาง ระยะทางกว่า 7,003 กม. ครอบคลุมทั่วประเทศซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวเส้นทาง เช่นเดียวกับโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร – ระนอง ที่ภายในโครงการจะพัฒนาท่าเรือน้ำลึก ทางรถไฟและมอเตอร์เวย์ ปัจจุบันเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)

นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนอื่นๆ เช่น มอเตอร์เวย์วงแหวนตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน – บางบัวทอง วงเงิน 56,035 ล้านบาท มอเตอร์เวย์สายวงแหวนตะวันตก ช่วงบางบัวทอง – บางปะอิน วงเงิน 23,025 ล้านบาท มอเตอร์เวย์สายนครปฐม – ปากท่อ วงเงิน 43,227 ล้านบาท และส่วนต่อขยายยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลเวย์) วงเงิน 31,358 ล้านบาท

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ขณะที่โครงการระบบราง ที่จะผลักดันส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดง 5 โครงการ วงเงินรวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในเดือน ก.พ. 2566 เพื่อเริ่มต้นกระบวนการเปิดประกวดราคา รวมไปถึงขนส่งทางน้ำที่กระทรวงฯ อยู่ระหว่างผลักดันการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ การพัฒนาท่าเรือสำราญทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ส่วนระบบขนส่งทางอากาศที่อยู่ระหว่างพัฒนาขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *